Tuesday, April 29, 2008

Basic cultivate, การดูแลเบื้องต้น

basic cultivation

การดูแลชวนชมพื้นฐาน

มาว่าเรื่องการดูแลพื้นฐานของชวนชมกันครับ ชวนชมเป็นไม้เลี้ยงไม่ยาก แต่ก็ต้องรู้วิธีปฏิบัติกับเค้าหน่อยครับ ไม่งั้นจะพาตายเอาดื้อๆ มือใหม่หลายคนเข้าใจผิด ทำให้ต้นชวนชมสุดรักเสียชีวิตโดยรู้เท่าไปไม่ถึงกาล ผมคนหนึ่งล่ะ ตอนเริ่มเลี้ยงใหม่ๆดูแลอย่างดี รดน้ำเช้า รดน้ำเย็น จนต้นชวนชมที่คุณพ่อให้มาซี้แหง กลายเป็นซากเหี่ยวๆ (น่าสงสาร)

sun shine

แสงแดด

แสงแดดเป็นสิ่งสำคัญต่อพืชทุกชนิดครับ ชวนชมเองเป็นพืชทะเลทราย แน่นอนว่า ชอบแดดจัดๆครับ ได้แดดอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง ไม่มีร่มเงาบังจะดีมาก การที่ได้แดดเต็มวันไม่มีเงาบัง จะทำให้กิ่งก้านแข็งแรง กระชับ มีดอกให้ดูเรื่อยๆ หลายคนที่เพิ่งเลี้ยงชวนชมใหม่ๆ ซื้อมาเห็นดอกสวยๆ ก็อยากใกล้ชิด วางไว้น่าประตูบ้าง ในชายคาบ้านบ้าง กลัวว่ามันจะร้อนจะเหี่ยว เวลาผ่านไป กิ่งก้านยืดยาวกลายเป็นเปรต ความงามหายหด พาลหมดรักเอาดื้อๆ

ไม่ต้องกลัวเฉาครับ กลางลานเลยครับ

ดินปลูกสำหรับชวนชม

ไม่มีดิน ชวนชมคงมีชีวิตอยู่ได้ยากครับ ดินที่เหมาะสมจะเป็นบ้านให้ชวนชมสุดที่รัก ควรจะเป็นดินโปร่ง ร่วนซุย มีธาตุอาหารสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี
"ระบายดียังไงหรือครับ?" เอาแบบที่รดน้ำลงไปแล้วซึมหายไม่คั่งค้าง ไม่ขังอยู่ในกระถางนั้นแหละครับ เพราะความฉ่ำแฉะ ประมาณว่าปลูกข้าวได้ ทำให้รากชวนชมสุดรักของคุณเน่า รักษาไม่ทันก็บ๊ายบายครับ

ข้อสำคัญประการหนึ่งของดินปลูกที่มีความโปร่งร่วนซุยมากๆ จะช่วยให้รากฝอยเติบโตได้ดี ส่งผมให้ชวนชมโขดใหญ่เร็วครับ

ดินก็ควรจะเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน ถึง 1 ปี ครับ ชวนชมจะได้รับสารอาหารที่สมบูรณ์ให้สม่ำเสมอ ถ้าต้นโตขึ้นก็เปลี่ยนกระถางไปด้วย โขดจะได้มีที่ขยับขยายโตออก

ดินปลูกที่ซื้อมาเป็นถุง ถ้าได้ดินที่มีส่วนผสมเป็นใบก้ามปูจะดีมาก ดินเปลือกถั่วก็ใช้ได้ครับ แต่จะมีไนโตรเจนมาก กิ้งก้านจะยืดยาวไวไปหน่อย และดินที่ซื้อมา จำเป็นต้องมีการผสมวัสดุปลูกเพิ่มเติมสักหน่อย เพื่อให้เหมาะกับชวนชมครับ คร่าวๆนะครับ

ถ้าดินถุงมีเนื้อดินมาก ก็ผสมกาบมะพร้าวสับชิ้นล็กๆ เพิ่มลงไปในอัตราส่วน ดิน 1 ส่วน ต่อ กาบมะพร้าว 1 ส่วน เศษใบก้ามปูผุ 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน ผสมปุ๋ยคอกลงไปบ้างก็ดี คลุกเคล้าให้เข้ากันดี

ถ้ามีเนื้อดินน้อย ก็เป็นดิน 1 ส่วน ต่อ กาบมะพร้าว 1 ส่วน เศษใบก้ามปูผุ 1 ส่วน ปุ๋ยคอกนิดหน่อยก็โอเค

สูตรผสมดินมีมากมายครับ จะได้รวบรวมมาไว้ให้ภายหลัง มีสูตรทั้งสำหรับเลี้ยงต้นชวนชมทั่วไป สูตรสำหรับเพาะเมล็ดชวนชม สูตรดินปักชำชวนชม ฯลฯ

การรดน้ำ

อย่างที่บอกครับ พืชทะเลทรายที่ทนแล้งได้อย่างชวนชม ไม่จำเป็นต้องรดน้ำมาก การรดน้ำให้เหมาะสมจะทำให้ต้นสมบูรณ์ รากและโขดสวยงาม รดมากไปก็ทำให้ราก และโขดเน่าได้ครับ
  1. การรดน้ำควรรดในช่วงเช้า แดดยังไม่แรง เพื่อสุขภาพของชวนชมที่จะไม่ตายนึ่ง และสุขภาพของเจ้าของที่จะไม่ลมจับไปเสียก่อน
  2. กระถางเล็กให้น้ำทุกวัน เพราะดินน้อยแห้งเร็ว กระถางใหญ่ทิ้งระยะบ้างก็ได้ เพราะแห้งช้ากว่า
  3. หลีกเลี่ยงการรดน้ำให้โดนดอก เพราะดอกจะช้ำ ไม่สวยงามและร่วงก่อนเวลา
  4. ไม่รดน้ำตอนเย็น เพราะดินจะมีความชื้นสูงตอนกลางคืน ทำให้เกิดเชื้อรา ที่เป็นสาเหตุของโรครากเน่า และโคนเน่าได้
  5. รดน้ำกะประมาณว่าดินทั้งกระถางชุ่มชื้น ไม่ต้องฉ่ำโชก เพราะสารอาหารจะละลายออกไปหมดครับ
  6. ใช้น้ำสะอาด น้ำประปา น้ำฝน น้ำบ่อแล้วแต่บ่อ หลีกเลี่ยงน้ำคลองที่ไม่สะอาด และน้ำบาดาลอาจมีสนิมเหล็กเจือปนอยู่มาก
  7. ฉีดพ่นล้างใบของชวนชมบ้าง ช่วยลดแมลงศัตรู เช่น พวกเพลี้ยอ่อน ไรแดง ได้ ช่วงไม่มีดอกฉีดไปเถอะ
  8. ช่วงหน้าฝน งดน้ำไปเลย อาจยกหลบฝนก็ดีครับ ถ้าฝนตกหนักนานๆ แต่หากฝนตกๆหยุด แนะนำให้ตั้งไว้ที่เดิม เพราะหลังฝนหยุดมักมีแดดออก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เค้าจะคายน้ำที่มีมากเกินไปออกมา

การให้ปุ๋ย

ให้ปุ๋ยสูตรเสมอเช่น 15-15-15 หรือ 16-16-16 กระถาง 6 นิ้วสักครึ่งช้อนกาแฟ ประมาณ 2 - 3 อาทิตย์ครั้ง ต้นก็จะงามดี หลักการคือให้น้อยแต่สม่ำเสมอครับ
อยากเห็นดอกดกๆก็ บำรุงด้วยสูตรเสมอสัก 2 เดือน ให้ต้นแข็งแรง แล้วเดือนที่ 3 ก็ 8-24-24 สองอาทิตย์ครั้ง ดอกก็จะบานดกดีครับ ถ้าช่วงหลังฝน แล้วฝนทิ้งช่วงนี้เห็นๆเลย เต็มต้น

สลับใส่ปุ๋ยคอกบ้าง หรือ ใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลักก็ดีครับ แ้ล้วใช้ปุ๋ยเคมีเป็นระยะสลับกันไป ดินก็จะดี ต้นก็จะงาม แต่ปุ๋ยคอกที่ใช้ต้องเป็นมูลวัวควายที่หมักย่อยสลายดีแล้ว ไม่งั้นเชื้อราถามหา และความร้อนในการย่อยสลายยังทำให้ชวนชมอ่อนแอด้วย

ถ้าไม่ใช้ปุ๋ยคอก เลือกเป็นปุ๋ยอินทรีย์อื่นๆก็ดีไม่แพ้กันครับ ขี้ไก่อัดเม็ดก็เยี่ยมเข้าข่ายปุ๋ยละลายช้า ธาตุอาหารสูง
อัดเต็มหน้ากระถางได้ แต่มีข้อเสียคือ ถ้ามันอมน้ำแล้วมันเหม็นครับ เช่นกัน ปุ๋ยมูลค้างคาวก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก มีธาตุอาหารสมบูรณ์เหมาะกับชวนชมมาก มีราคาสูงขึ้นอีกหน่อย


ก็ขอจบเรื่องการเลี้ยงพื้นฐานไว้เท่านี้ก่อนนะครับ

No comments: